gallery/new pic
gallery/1006-3_1-ts1524664849

อาซาอิเบอร์รี่  (Acai Berry)

The World Number 1 Superfood

"สุดยอดอาหาร (Superfood) อันดับหนึ่งของคนรักสุขภาพทั่วโลก"

 

อาซาอิเบอร์รี่ (Acai Berry) คืออะไร ?

อาซาอิเบอร์รี่ เป็นผลไม้ตระกูลปาล์ม เติบโตแบบธรรมชาติในป่าอะเมซอน ทวีปอเมริกาใต้ ผลของอาซาอิเบอร์รี่มีลักษณะ

เล็กสีม่วงเข้มคล้ายผลบลูเบอร์รี่   มีรสชาดคล้ายบลูเบอร์รี่ผสมช็อคโกแลต   ชนพื้นเมืองในแถบนั้นมีการบริโภคอาซาอิเบอร์รี่

มานับ 1000 ปีโดยใช้เป็นอาหาร ยารักษาโรค และนักรบโบราณจะกินอาซาอิเบอร์รี่ก่อนออกรบเพราะเชื่อว่าเป็นผลไม้ศักดิิ์สิทธิ์

ช่วยเสริมพละกำลังให้แข็งแรง   นักวิจัยด้านโภชนาการได้ทำการศึกษาและวิจัยพบว่า  อาซาอิเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทาง

โภชนาการสูง  เป็นแหล่งรวมของวิตามิน  แร่ธาตุและสารอาหารหลากหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย   และยังพบว่า

อาซาอิเบอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) สูงมาก โดยวัดค่าได้สูงกว่าผักผลไม้ทั่วไปหลายสิบเท่า  อาซาอิเบอร์รี่จึง

ถูกยกให้เป็น Superfood หรือ สุดยอดอาหาร ที่มีคุณสมบัติเด่นด้านบำรุงสุขภาพและการชะลอความชรา  อาซาอิเบอร์รี่เป็นที่

ชื่นชอบและนิยมรับประทานในหมู่คนรักสุขภาพทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย  อาซาอิเบอร์รี่ได้ถูกนำมา

ใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากมาย เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์ลดน้หนัก สกินแคร์

ครีมบำรุงผิว และส่วนผสมของเครื่องสำอางค์ต่าง ๆ มากมาย

 

สารอาหารและวิตามินในอาซาอิเบอร์รี่

 

สารต้านอนุมูลอิสระสูง

วิตามินอี

โอเมกา 3 6 9

ธาตุเหล็ก  แม็กนีเซียม โพแทสเซียม

กระฟิโนลิกซ์

โปรตีน คาร์โบไฮเดรต

ไฟเบอร์ (ใยอาหารสูง)

ไม่มีน้ำตาล

 

gallery/superfoodhomeacaiberry-14

ประโยชน์ของอาซาอิเบอร์รี่ :

 

1. บำรุงร่างกายให้แข็งแรง สุขภาพดี 

2. ซ่อมแซมเซลล์สึกหรอ ฟื้นฟูสุขภาพที่เสื่อมตามวัย จากสภาวะแวดล้อม เช่นอากาศ แสงแดด รวมถึงความเสื่อม ของร่างกาย

จากการรับประทานอาหารไม่ดีต่อสุขภาพ

3. ชะลอวัย ต่อต้านกระบวนการแก่ชรา (Anti-Aging) และป้องกันร่างกายจากอนุมูลอิสระ (ตัวการทำลายเซลล์และสร้างความเสื่อม) 

4. เสริมสร้างระบบภุมิคุ้มกัน  ให้แข็งแรงและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ (เมื่อภูมิคุ้มกันดี เราก็จะไม่ป่วย ไม่มีโรค)

5. ลดความเสี่ยงจากโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน โรคภาวะหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ อัลไซเมอร์

6. ช่วยลดคลอเรสเตอรอล ลดไขมันในเส้นเลือด ลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์

7. ดีท็อกซ์ ล้างสารพิษในเลือด ล้างไขมันและตระกรันในลำไส้

8. ช่วยระบบขับถ่ายและทางเดินอาหาร ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้         

9. ดีต่อระบบสมอง หัวใจ ระบบประสาท หลอดเลือด และสายตา

10. ป้องกันความดันโลหิตสูง

11. ปรับสมดุลย์ฮอร์โมน

 

 

ใครรับประทานอาซาอิเบอร์รี่ได้บ้าง

ไม่มีข้อห้ามใดๆ ในการรับประทานอาซาอิเบอร์รี่  เพราะ

อาซาอิเบอร์รี่คือผลไม้ คืออาหาร ทุกคนจึงทานอาซาอิเบอร์รี่ได้

เช่นเดียวกับการทานผักผลไม้ หากคุณทานผักผลไม้ได้

คุณก็ทานอาซาอิเบอร์รี่ได้เช่นกัน  

 

gallery/superfoodhomeacaiberry-4

วิธีรับประทานอาซาอิเบอร์รี่  

(Acai Berry Powder)

ปริมาณที่แนะนำต่อวัน :  2-5 กรัม (ประมาณ 1-2ช้อนชา)

ชงน้ำกับน้ำเย็น โรยในอาหารเช้า เช่น ซีเรียล มูสลี่ โยเกิร์ต สลัด 

หรือใส่ในเครื่องดื่มที่ชื่นชอบ เช่น นม น้ำผลไม้ สมู้ทตี้

 

ไม่แนะนำ : ให้ใส่ในเครื่องดื่มหรืออาหารร้อน  

เพราะความร้อนจะทำให้คุณค่าสารอาหารและวิตามินลดลง

 

gallery/superfoodhomeacaiberry-28

วิธีเลือกผลิตภัณฑ์อาซาอิเบอร์รี่

1. ควรเลือกอาซาอิเบอร์รี่แบบ Freeze Dried ดีที่สุด เพราะเป็นเทคโนโลยีการสกัดผลไม้โดยไม่ผ่านความร้อน และสามารถ

รักษาความสด คงคุณค่าทางโภชนาการ วิตามิน สารอาหารให้อยู่ครบถ้วน ให้ประโยชน์เหมือนการเด็ดทานผลสด ๆ จากต้น

2. อาซาอิเบอร์รี่ คุณภาพดี ต้องมีสีม่วงเข้มเหมือนสีของผลไม้จริง 

3. ผลิตภัณฑ์ควรมีการแจ้ง "ค่าสารต้านอนุมูลอิสระ (ORAC Value)" ไว้ในสลากผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยในการตัดใจของ 

ผู้บริโภค ซึ่งค่า ORAC นี้ยิ่งสูงยิ่งดี และมีประสิทธิภาพในการกำจัดอนุมูลอิสระ (ตัวการทำร้ายเซลล์และทำลายสุขภาพ) 

 

บทบาทของสารต้านอนุมูลอิสระ


ทำไมการที่สารต้านอนุมูลอิสระสามารถป้องกันหรือกำจัดอนุมูลอิสระได้จึงมีความสำคัญ? มีงานวิจัยมากมายบ่งชี้ว่าสารต้าน

อนุมูลอิสระสามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหลายโรคโดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่สัมพันธ์กับอาหาร เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน

โรคหัวใจ โรคสมอง โรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น รวมทั้งช่วยชะลอกระบวนการบางขั้นตอนที่ทำให้เกิดความแก่  โดยปกติร่างกาย

สามารถกำจัดอนุมูลอิสระก่อนที่มันจะทำอันตราย แต่ถ้ามีการสร้างอนุมูลอิสระเร็วหรือมากเกินกว่าร่างกายจะกำจัดทัน อนุมูลอิสระ

ที่เกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายต่อเซลล์และเนื้อเยื่อได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สารต้านอนุมูลอิสระลดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ

ได้ 2 ทาง คือ

1. ลดการสร้างอนุมูลอิสระในร่างกาย

2. ลดอันตรายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ

แม้ว่าสารต้านอนุมูลอิสระไม่สามารถแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว แต่สามารถชะลอให้ความเสียหาย เกิดช้าลงได้โดยเฉพาะ

โรคเรื้อรัง ดังนั้นบุคคลทุกเพศทุกวัยจึงควรได้รับสารต้านอนุมูลอิสระให้พอเพียงต่อความต้องการในแต่ละวัน เพื่อให้เกิดความ

สมดุลย์ในร่างกายระหว่างสารต้านอนุมูลอิสระและอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น ซึ่งสารตานอนุมูลอิสระนี้หาได้จากอาหารและผักผลไม้

โดยเฉพาะผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ อาซาอิเบอร์รี่ 

  

ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างการจำเป็นต้องได้รับ ?

 

ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับในแต่ละคือ 3,500-6,000 หน่วย ORAC Score/วัน  แต่นั่นก็เป็นค่าที่ไม่

สามารถปกป้องร่างกายให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บได้ หากต้องการให้มีประสิทธิภาพเพียงพอในการต่อต้านโรคภัยต่าง ๆ นั้น 

ต้องได้รับสูงกว่านี้ คือประมาณ 8000-11000 หน่วย ORAC Score ทั้งนี้ปริมาณความต้องการสารต้านอนุมูลอิสระของแต่ละคน

ก็ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ สภาพแวดล้อม การใช้ชีวิต (Life Style) และอาหารที่รับประทานเป็นต้น

 

โดยจากการศึกษาพบว่าการทานอาหารที่มีค่า ORAC Score สูงติดต่อกันจะสามารถเพิ่มการต้านอนุมูลอิสระในเลือดได้มากถึง 25%

ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าผู้ผลิตในต่างประเทศมักจะเปิดเผยค่าของ ORAC Score เอาไว้ในฉลากผลิตภัณฑ์ของตนเองเพื่อให้ผู้บริโภค

ได้เลือกซื้อหาในปริมาณที่เหมาะสมกับตนเองในการดูแลสุขภาพ

 

gallery/superfoodhomeacaiberry-10
gallery/superfoodhomeacaiberry-9
gallery/superfoodhomeacaiberry-19
gallery/superfoodhomeacaiberry-5